ศึกษาสถิติ เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งให้เพจของคุณ ลงโฆษณา facebook ads

สำหรับคนที่ทำการค้าขายโดยใช้ลงโฆษณา facebook ads เป็นสื่อกาง และช่องทางในการติดต่อพูดคุยกับลูกค้า อาจจะพบว่าในช่วงที่ผ่านมา facebook เองได้มีการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึ่มอยู่บ่อยครั้ง และแน่นอนว่าในการปรับแต่ละครั้งย่อมจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของจำนวนคนที่มองเห็น และมีส่วนร่วามในเพจของเราอย่างแน่นอน จนบางคนถึงกับกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของเฟสบุ๊ค มีขึ้นเพื่อกดดันให้บรรดาร้านค้าต่างๆ ที่ได้อาศัยพื้นที่ของเฟสบุ๊คในการซื้อขายสินค้า ต้องทำการลงโฆษณากับเฟสบุ๊คมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ามองเห็น ได้จำนวนเท่าเดิม
แต่ก่อนที่เราจะจ่ายเงินเพื่อลงโฆษณากับทางเฟสบุ๊ค เราความที่จะศึกษาสถิติต่างๆ ที่อยู่ในหน้าของการจัดการเพจของเราก่อน เพื่อที่จะได้รู้จุดอ่อนจุดแข็งของเพจ และทำให้เราสามารถที่จะนำข้อมูลที่ได้นั้นมาเป็นข้อมูลในการวางแผนในการจัดการโฆษณาเพจ เพราะบางครั้งการลงโฆษณาด้วยจำนวนเงินที่มากอาจจะไม่ได้มีผลตอบรับที่ดีเสมอไป เพราะ หากเนิ้อหาไม่โดนใจ หรือ ถูกใจคนดู การถูกพูดถึง และการส่งต่อก็ย่อมน้อยลงไปด้วย มาดูกันดีกว่าว่า อะไรบ้างที่เราควรศึกษาเกี่ยวกับ เพจของเรา
ในส่วนที่เราจำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ จำนวนคนที่เข้าถึงเนื้อหา อาจจะดูในแต่ละวัน หรือ สรุปเป็นอาทิตย์ การดูแบบสรุปเป็นอาทิตย์จะทำให้คุณเห็นได้ชัดกว่าว่า เนื้อหาของเพจคุณเป็นอย่างไร มีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด เพราะในบางครั้งจำนวนผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะบอกเราได้ทั้งหมดเกี่ยวกับ ความนใจของคนอ่าน และหากพบว่าการมีส่วนร่วมของแฟนเพจได้ลดลงอย่างมากจากช่วงที่ผ่านมา แสดงว่าควรทำการปรับปรุงเนื้อหาได้แล้ว

หลายครั้งที่เราจะพบว่า โพสที่ถูกนำเสนอออกไป มีผลตอบรับกลับมาที่ไม่ดีนัก
และนี่คือทางออกหากคุณยังต้องการที่จะเป็นผู้ชนะในกระแสของการแข่งขัน ในการทำการตลาดบนเฟสบุ๊ค และทำให้ธุรกิจของคุณได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมที่ได้เห็นคอนเทนต์ของคุณบนเฟสบุ๊ค
1.มีการโต้ตอบกับแฟนๆบ้าง เคยสังเกตหรือเปล่าว่า เพจที่มีการโต้ตอบไปมาระหว่างแอดมินเพจกับคนอ่าน อย่างรวดเร็วจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะ นอกจากจะเป็นแหล่งข้อมูลแล้ว คนที่อ่านยังรู้สึกได้ถึงความใสใจ และสนใจในสิ่งที่พวกเขาพูด ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่เกี่ยวกับคอนเทนต์ที่โพสก็ตามที และนอกจากการตอบอย่างทันทีแล้ว การสร้างผลสำรวจ หรือ สอบถามความคิดเห็นก็จะช่วยให้แฟนเพจมีส่วนร่วมอย่างเต็มใจได้ไม่ยากนัก
2.นำเสนอเรื่องราวทั่วไป และเรื่องขำขัน หรือไร้สาระบ้าง เพราะ ไม่ใช่ทุกคนที่แสวงหาข้อมูลที่เป็นวิชาการตลอดเวลา การโพสด้วยเรื่องราวที่ผ่อนคลายจะช่วยให้คนอ่านรู้สึกว่าเพจนี้มีความรู้สึก และมีตัวตนมากกว่าจะเป็นแค่น่ากระดานที่บอกเรื่องราวของแบรนด์ หรือ ผลิตภัณฑ์เท่านั้น และหลายครั้งคนมักจะเข้ามากดถูกใจเพจเพียงเพราะ ชอบเรื่องราวไร้สาระที่คุณโพส เมื่อเขาติดตามไปเรื่อยๆ แบรนด์ที่ต้องการนำเสนอ ก็จะติดอยู่ในความคิดของเขาอย่างไม่รู้ตัว
3.อย่าวางข้อความมากเกินไป จากการสำรวจจะพบว่า เนื้อหาที่นำเสนอโดยการใช้ภาพ หรือวิดีโอประกอบข้อความมักจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่า เนื้อหาที่นำเสนอในรูปแบบของข้อความเพียงอย่างเดียว เพราะ ข้อความ หรือ ข้อมูลที่มากเกินไป จะไม่สามารถดึงดูดให้คนมาอ่านได้เลย ต่างจากการใช้ภาพในการนำเสนอข้อมูล จากนั้นจึงใช้ข้อความเพียงเล็กน้อยเพื่ออธิบายภาพ จะได้รับการตอบรับ และความเข้าใจที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่การใช้ภาพเพียงอย่างเดียวอาจจะดูเสี่ยงเกินไป สำหรับการนำเสนอข้อมูลที่ต้องการ เพราะ ภาพบางภาพไม่สามารถให้ข้อเท็จจริงกับคนอ่านได้ทั้งหมด